ยินดีต้อนรับเข้าสู่ แฟ้มสะสมผลงานอิเล็กทรอนิกส์ วิชาการบริหารสถานศึกษาปฐมวัย (EAED5401) Lucky Clover - Diagonal Resize 2 EAED5401 การบริหารสถานศึกษาปฐมวัย (Pre-School Administration): กุมภาพันธ์ 2018 Cute Grapes 2

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 5

วันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 : เวลา 08.30-11.30 น.

นำเสนอคำคมเกี่ยวกับการบริหาร 
(วันนี้เรียนรวมกัน 2 เซค)


คำคมของสิริรัตน์


คำคมของพัชรภรณ์


คำคมของสิริกัลยา


คำคมของสุธาสิณี


คำคมของณัฐณิชา


คำคมของวราพร


จากนั้น ก็นำเสนอคุณสมบัติในการเป็นผู้นำ 
จากชื่อภาษาอังกฤษของตนเอง

ยกตัวอย่าง เช่น








  • จากการนำเสนอคำคมของเพื่อน ๆ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้
  • จากการนำเสนอชื่อของเพื่อน ๆ และสิ่งต่าง ๆ ที่อาจารย์แนะนำเพิ่มเติม สามารถนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเอง ในด้านของการจะเป็นครู หรืออาจจะสามารถพัฒนาเป็นผู้บริหารได้ หากเราชอบที่จะเป็นแบบไหน ก็พยายามฝึกฝนตนเองให้ได้



ประเมินตนเอง  :  จดบันทึกขณะเรียน รู้สึกชอบเวลาที่อาจารย์แนะนำเพิ่มเติม ซึ่งนำมาประยุกต์ใช้กับตนเองได้จริง
ประเมินเพื่อน  :  เพื่อนเตรียมการนำเสนอมาดีมาก มีรูปภาพประกอบที่สวยงาม ดึงดูดความสนใจ
ประเมินอาจารย์  :  อาจารย์จะอธิบายเพิ่มเติมทุกครั้ง ให้แนวทาง ข้อคิด สิ่งที่แตกต่าง และแต่งกายสุภาพเรียบร้อย


บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 4

วันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 : เวลา 08.30-11.30 น.




นำเสนอคำคมเกี่ยวกับการบริหาร


คำคมของกัลปพฤกษ์


คำคมของศิริพร








คำคมของอารักษ์



          จากนั้น แต่ละกลุ่มนำเสนอสถานศึกษาปฐมวัย ซึ่งได้แก่

โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ http://www.kukai.ac.th/ (คลิกเพื่อเข้าสู่ Website ของโรงเรียน)


           เชื่อว่าเด็กทุกคนต้องการเรียนรู้ และสามารถเรียนรู้ได้อย่างลุ่มลึก การที่เด็กจะเติบโตไปสู่ยุคที่ข้อมูล ข่าวสาร เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้ง เด็กควรจะมีเครื่องมือที่จะติดตัวไปเพื่อความก้าวหน้าของตนในอนาคต เครื่องมือนั้นก็คือ ทักษะการคิด โดยเฉพาะการคิดแบบวิเคราะห์ สังเคราะห์ มีวิจารณญาณที่ดี และการคิดสร้างสรรค์จะช่วยให้เด็กประสบความสำเร็จในทุกยุคทุกสมัย เด็กจะได้รับการเสริมสร้างให้มีทักษะในการ เรียนรู้ ค้นหาความรู้ ข้อมูล หาความจริง โดยใช้หลักทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งการเรียนรู้แบบ Project Approach จะทำให้เด็กได้ใช้ทุกทักษะดังกล่าว 

          ณ โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ เด็ก ๆ จะได้รับการเตรียมความพร้อมให้สามารถก้าวต่อไปอย่างมั่นคงเพื่อโอกาสอันดี ในการเข้าศึกษาต่อในชั้นประถมศึกษา หรือในโรงเรียนประถมศึกษาต่าง ๆ ต่อไป เด็ก ๆ จะเรียนรู้อย่างสนุกสนาน และรู้สึกว่าต้องการเรียนรู้ เพราะเด็กได้ตระหนักว่าสิ่งที่เรียนรู้นั้นมีความหมาย และมีประโยชน์ต่อตัวเด็กในชีวิตประจำวันโดยตรง อีกทั้งยังสามารถสัมผัสได้โดยตรง เด็กจึงสามารถพัฒนาการเรียนรู้ไปได้อย่างรวดเร็วในทุกๆด้านและทุกๆวิชาโดยไม่ต้องท่องจำ เด็กเรียนรู้โดยมีประสบการณ์ตรงกับสิ่งต่างๆ การเรียนรู้จะเริ่มจากบริบทที่คุ้นเคยก่อน แล้วจึงแตกแขนงออกไปไกลตัวมากขึ้น เด็กเรียนรู้คณิตศาสตร์ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ ศิลปศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สุขศึกษาจากกิจกรรมที่มีคุณค่าและมีความน่าสนใจสำหรับเด็กตามธรรมชาติ 

          นอกจากนั้นโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ ยังมีหลักสูตรพิเศษสอนภาษาอังกฤษ ที่จะพัฒนาเด็ก ๆ ทั้งการ ฟัง พูด อ่าน เขียน ซึ่งผู้ปกครองสามารถเลือกให้เด็กเรียนได้โดยในชั้นเตรียมอนุบาล และอนุบาลปีที่ 1 นั้น จะเน้นการสอนการสนทนาโต้ตอบง่ายๆ การพูดโดยใช้สำเนียงถูกต้อง การรู้จักคำศัพท์เรียกสิ่งต่างๆรอบตัว การฟังคำสั่ง ผ่านกิจกรรมที่สนุกสนานหลากหลายส่วนในชั้นอนุบาลปีที่ 2 และอนุบาลปีที่ 3 นั้นเด็กจะได้รับการพัฒนา ในเรื่องการฟังและการอ่านโดยใช้หลักการออกเสียง phonics และการเรียนรู้วิชาต่าง ๆ เช่น ภูมิศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ ประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์ ศิลปศาสตร์ โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อทำให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษในระดับนี้ เป็นที่น่าสนใจ สนุกสนาน ท้าทาย สำหรับเด็กๆ เป็นอย่างยิ่ง การสอน ภาษาอังกฤษเด็กระดับอนุบาล หรือปฐมวัยของโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่นี้ ดำเนินการสอนโดยครูผู้เชี่ยวชาญด้านการสอน และเป็นครูเจ้าของภาษาที่มีประสบการณ์ ครูจะใช้เทคนิคการสอนแบบ TPR (Total Physical Response) ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ดีในการสอนภาษาอังกฤษอย่างมาก 





สถานรับเลี้ยงเด็ก P-genius Nursery (3 เดือน-1 ปี, 1 ปี-6 ปี)
  

http://www.pgeniusnursery.com/ (คลิกเพื่อเข้าสู่ Website)

          "พี-จีเนียสเนอสเซอรี่"  สถานรับเลี้ยงเด็ก (Nursery)  ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างลงตัวที่สุด เพื่อเด็กโดยเฉพาะ  มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่โล่ง โปร่งสบาย การระบายอากาศดี อัตราส่วนครูผู้ดูแลต่อเด็ก อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม เพื่อให้การดูแลเด็กๆได้อย่างทั่วถึง

           "พี-จีเนียสเนอสเซอรี่"  เน้นความรัก และความเข้าใจเพื่อให้เด็ก ๆ ได้รู้สึกถึงความอบอุ่น ปลอดภัย เน้นการพัฒนาศักยภาพของเด็กในทุกมิติ ทั้งด้านร่างกาย  สังคม อารมณ์ ปัญญา โดยมีคุณหมอเป็นที่ปรึกษาเพื่อให้การดูแลเด็ก ๆ  ดำเนินไปอย่างเหมาะสมและสร้างพัฒนาการได้ตามวัย


          กิจกรรมหลักคือ  การจัดกิจกรรมสร้างสรรค์  หรือการจัดกิจกรรมศิลปะสำหรับเด็กปฐมวัย  เป็นกิจกรรมเกี่ยวกับงานศิลปศึกษาต่าง ๆ ได้แก่  การวาดภาพระบายสี  การปั้น  การพิมพ์ภาพการพับ  การตัด  การฉีก  ปะ  ตลอดจนการประดิษฐ์เศษวัสดุ  ฯลฯ ที่มุ่งพัฒนากระบวนการคิดสร้างสรรค์ การรับรู้เกี่ยวกับความงามและส่งเสริมกระตุ้นให้เด็กแต่ละคนได้แสดงออกตามความรู้สึกและความสามารถของตนเอง  ปลูกฝังลักษณะนิสัยให้เป็นคนมีความประณีต  มีความละเอียดอ่อน  เป็นคนมีระเบียบ  รักความสะอาดในการทำงาน  ข้อควรตระหนักและให้ความสำคัญคือ  การจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ระดับปฐมวัย  มิได้มุ่งเน้นผลงานที่สวยงาม  แต่เป็นการส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของเด็ก  การใช้คำว่ากิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อทำให้ครูระลึกอยู่เสมอว่า  ศิลปะสำหรับเด็กมิได้เน้นให้เด็กทำได้สวยหรือเหมือนของจริง  แต่ทำให้เด็กได้พัฒนาครบทุกด้านจากการทำกิจกรรมนี้



Skillplus+ (1 ปี 6 เดือน-8 ปี)


http://www.skillplus.ninjasolution.com/index.php (คลิกเพื่อเข้าสู่ Website)

          ศูนย์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย ตั้งแต่1.6 – 8 ปี ผ่านกิจกรรมที่หลากหลายและเหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย เช่น การปลูกฝังการรักการอ่าน การเตรียมความพร้อมก่อนเข้าโรงเรียน ฝึกฝนทักษะที่จำเป็นเพิ่มเติมเมื่อไปโรงเรียนแล้ว การค้นหาข้อมูลและนำเสนอผลงานด้วยตัวเอง โดยอิงจากรูปแบบการสอนของโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งทุกกิจกรรมช่วยกระตุ้นทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ และมุ่งเน้นให้เด็กมีทัศนคติเชิงบวกต่อการเรียนรู้ภายในห้องเรียน โดยผู้สอนที่มีประสบการณ์

ตัวอย่าง ภาพกิจกรรม



Foundations Family Day Care

http://ffdc.com.au/ (คลิกเพื่อเข้าสู่ Website)


  • เหมือนบ้าน
  • เด็กเป็นคนเลือกกิจกรรมอย่างอิสระ
  • คล้ายกับมูลนิธิ
  • เน้นเกี่ยวกับการสำรวจ อยู่กับธรรมชาติ
  • คิดเงินเป็นชั่วโมง
  • รับเด็กทารก-13 ปี


  • Experiences which reflect the diversity of your community
  • Early Childhood Education and Care (ECEC), Outside School Hours Care (OSHC) and Vacation Care (VAC) and in a nurturing, and flexible home learning environment
  • The opportunity for children to form genuine long lasting bonds with their qualified and passionate early childhood Educator
  • Regular and casual bookings and offers care during standard hours, evenings, mornings, before/after school, during school holidays and in some cases overnight and weekend care
  • Individualised learning programs for the children they care for. This will include outings and nature based play for all our children and pre-literacy for our pre-school children
  • Education and care for babies and children up to 13 years of age; offering the possibility for siblings to be cared for together, all in one location. Some of our Educators are able to do school and kindergarten drop offs and pick ups.


ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านท่าฉาง (อบต.)

http://tachang.go.th/html/child_development.asp (คลิกเพื่อเข้าสู่ Website)


ปรัชญา 

พัฒนาการเด่น   เน้นคุณธรรม
นำความพร้อม    แวดล้อมด้วยรัก

วิสัยทัศน์

จัดการศึกษาระดับปฐมวัย โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน ยึดเด็กเป็นสำคัญ คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และสืบสานประเพณีไทย สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข

พันธกิจ

1. จัดการศึกษาปฐมวัย โดยให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม
2. จัดกิจกรรมส่งเสริม พัฒนาการโดยยึดเด็กเป็นสำคัญ คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลเป็นหลัก
3. จัดกิจกรรมที่ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ให้กับเด็ก
4. จัดกิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณีไทยให้กับเด็ก
5. จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กมีความพร้อมทั้ง 4 ด้าน
6. จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข




ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์วัดโปรดเกศเชษฐาราม

http://prodketchildcenter.blogspot.com/p/blog-page.html (คลิกเพื่อเข้าสู่ Website)

          ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์วัดโปรดเกศเชษฐาราม ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๖ ตามนโยบายของรัฐบาลสมัยนั้น โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะให้เด็กเล็กที่ยังอายุยังไม่ถึงเกณฑ์เข้าเรียน ได้เข้ามาใกล้ชิดกับพระศาสนาโดยมีพระและวัดเป็นผู้ดูแลจัดการ เพื่อปลูกฝังคุณธรรมเบื้องต้นให้กับเด็ก และรับเลี้ยงดูเด็กเพื่อให้ผู้ปกครองออกไปปประกอบอาชีพได้อย่างไม่ต้องมีห่วงกับบุตรธิดา เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครองได้อีกส่วนหนึ่ง




  • คำคมที่เพื่อนนำเสนอ และอาจารย์ได้แนะนำเพิ่มเติม เราสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน การอยู่ในสังคม เพื่อสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้
  • ในการนำเสนอสถานศึกษาปฐมวัยที่หลากหลายรูปแบบ ทำให้รู้การจัดการเรียนการสอนที่หลากหลาย เป็นการเตรียมความพร้อมในการทำงานในอนาคต ซึ่งเราอาจจะไม่ได้อยู่ในโรงเรียนอนุบาลทั่วไป จะได้สามารถปรับตัวให้เข้ากับบริบทของสถานศึกษาปฐมวัยได้

ประเมินตนเอง  :  เข้าเรียนตรงเวลา เตรียมการนำเสนอของกลุ่มตนเอง และจดบันทึกขณะเรียน
ประเมินเพื่อน  :  เพื่อนเตรียมการนำเสนอมาดีทุกกลุ่ม ทำให้เห็นแนวการสอนที่หลากหลาย แตกต่างกันไปตามบริบทของโรงเรียน และตั้งใจฟังเพื่อนนำเสนอ
ประเมินอาจารย์  :  เมื่อนำเสนอคำคม หรือนำเสนอโรงเรียนต่าง ๆ เสร็จ อาจารย์จะพูดเพิ่มเติมเสมอ เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจมากขึ้น และยอมรับฟังความคิดเห็นของนักศึกษา



บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 3

วันพุธที่ 31 มกราคม 2561: เวลา 08.30 - 11.30 น.



... เพื่อนนำเสนอคำคม เกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษา ...


(คำคมของนางสาวภัทรวรรณ)


(คำคมของนางสาวชื่นนภา)


(คำคมของนางสาวปฐมพร)

... จากนั้นเรียนเนื้อหาใน Power Point ...

เรื่อง บทบาทหน้าที่ของผู้บริหาร

  • ผู้นำ (Leader) หมายถึง บุคคลที่มีศิลป บุคลิกภาพ ความสามารถ เหนือบุคคลทั่วไป สามารถชักจูงให้ผู้อื่นปฏิบัติตามที่ต้องการได้ 
  • ความเป็นผู้นำ (Leadership) เป็นกระบวนการที่มีอิทธิพลต่อกลุ่ม เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ผู้บริหารทุกคนควรเป็นผู้นำ และมีภาวะผู้นำ

 

ประเภทของผู้นำ 

ผู้นำตามอำนาจหน้าที่ 
  1. ผู้นำแบบใช้พระเดช  เช่น รัฐมนตรี อธิบดี หัวหน้ากอง และหัวหน้าแผนก เป็นต้น
  2. ผู้นำแบบใช้พระคุณ  ตัวอย่างได้แก่ มหาตมะคันธี ซึ่งสามารถใช้ภาวะการเป็นผู้นำครองใจชาวอินเดียนับเป็นจำนวนล้าน ๆ คน ได้
  3. ผู้นำแบบพ่อพระ เช่น พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นองค์ประมุขและสัญลักษณ์ของแรงศรัทธาของประชาชนไทยทั้งมวล
ผู้นำตามการใช้อำนาจ  
  1. ผู้นำแบบเผด็จการ  หรืออัตนิยม ปฏิบัติการแบบนี้เรียกว่า One Man Show อยู่ตลอดเวลาโดยไม่คำนึงถึงจิตใจของผู้ปฏิบัติงาน เช่น ฮิตเลอร์  
  2. ผู้นำแบบเสรีนิยม หรือ Free-rein Leadership ตนเป็นผู้ดูแลให้กิจการดำเนินไปได้โดยถูกต้องเท่านั้น มีการตรวจตราน้อยมากและไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือในการดำเนินงานใด ๆ ทั้งสิ้น
  3. ผู้นำแบบประชาธิปไตย นโยบายและคำสั่งมีลักษณะเป็นของบุคคลโดยเสียงข้างมาก  
ผู้นำตามบทบาทที่แสดงออก
  1. ผู้นำแบบบิดา-มารดา ผู้นำแบบนี้ ปฏิบัติตนเหมือนพ่อ-แม่ คือทำตนเป็นพ่อแม่ เห็นผู้อื่นเป็นเด็ก
  2. ผู้นำแบบนักการเมือง  ผู้นำแบบนี้เข้าทำนองว่ายืมมือ ของผู้บังคับบัญชาของผู้นำแบบนี้อีกชั้นหนึ่ง โดยเสนอขอให้สั่งการเพื่อประโยชน์แก่การสร้างอิทธิให้แก่ตนเอง
  3. ผู้นำแบบผู้เชี่ยวชาญ Staff  ผู้นำแบบนี้มักเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้เฉพาะอย่าง เช่น คุณหมอพรทิพย์ มีความเชี่ยวชาญในการตรวจ DNA 


ศูนย์วิจัยของมหาวิทยาลัย Michigan ได้ศึกษาพฤติกรรมของผู้นำ แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
               1. ผู้นำที่มุ่งคน (Employee Oriented) คือผู้นำที่เน้นความมีสัมพันธภาพที่ดีกับพนักงาน กับบุคคลทั่วไป ยอมรับฟังความคิดเห็นของพนักงาน
               2. ผู้นำที่มุ่งงาน (Production Oriented) เน้นวิธีการปฏิบัติงานและผลงานที่จะได้ มองพนักงานเป็นเพียงเครื่องมือที่ทำให้เกิดผลงาน

คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นผู้นำที่ดี
  1. มีความเฉลียวฉลาด
  2. มีการศึกษาอบรมดี    
  3. มีความเชื่อมั่นใจตนเอง    
  4. เป็นคนมีเหตุผลดี    
  5. มีประสบการณ์ในการปกครองบังคับบัญชาเป็นอย่างดี 
  6. มีชื่อเสียงเกียรติคุณ  
  7. สามารถเข้ากับคนทุกชั้นวรรณะได้เป็นอย่างดี 
  8. มีสุขภาพอนามัยดี   
  9. มีความสามารถเหนือระดับความสามารถของบุคคลธรรมดา
  10. มีความรู้เกี่ยวกับงานทั่ว ๆ ไปขององค์กร หรือหน่วยงานที่ตนปฏิบัติอยู่โดยเฉพาะ
  11. มีความสามารถเผชิญปัญหาเฉพาะหน้า ที่จะเกิดขึ้นในขณะปฏิบัติงานให้ได้ทันท่วงที
  12. มีความสามารถคาดการณ์ 

ภาวะผู้นำ (Leadership)
  1. ผู้นำโดยกำเนิด เช่น พระพุทธเจ้า พระเจ้าอยู่หัว
  2. ผู้นำที่มีความอัจฉริยะ เช่น พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายธานินทร์ เจียรวนนท์และนายบิลเกตต์
  3. ผู้นำที่เกิดขึ้นตามสายงานบริหาร เช่น อธิบดี ผู้อำนวยการ อธิการบดี หัวหน้าฝ่าย
  4. ผู้นำตามสถานการณ์ ผู้นำแบบนี้มักเป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นครู เป็นผู้สอนแทน ผู้นำในการฝึกอบรม การประชุม  
ลักษณะของผู้นำในทศวรรษหน้า 

  1. เป็นผู้บริหารที่ไม่มากเกินไปในทางใดทางหนึ่ง คือ ไม่ใช่ผู้นำที่มุ่งแต่งานอย่างเดียว หรือมุ่งที่คนอย่างเดียว
  2. ผู้บริหารเน้นการสร้างให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนมีความเป็นเลิศในทุกด้าน  
  3. วิธีการแก้ปัญหาของผู้นำจะใช้ผู้ปฏิบัติงานแก้เอง
  4. ผู้นำจะมอบอำนาจ  จนพอที่ผู้ปฏิบัติงานสามารถใช้อำนาจนั้นให้งานสำเร็จในตัว
  5. ผู้นำเน้นคุณสมบัติของผู้ปฏิบัติงานที่สามารถทำงานเป็นทีมได้อย่างดี 

คุณสมบัติของผู้นำตามอักษรแต่ละตัวในคำว่า LEADERSHIP 
     1. L คือ Listen เป็นผู้ฟังที่ดี..
     2. E คือ Explain สามารถอธิบายสิ่งต่างๆ ให้เข้าใจได้..
     3. A คือ Assist ช่วยเหลือเมื่อควรช่วย..
     4. D คือ Discuss รู้จักแลกเปลี่ยนความคิดเห็น..
     5. E คือ Evaluation ประเมินผลการปฏิบัติงาน..
     6. R คือ Response แจ้งข้อมูลตอบกลับ..
     7. S คือ Salute ทักทายปราศรัย..
     8. H คือ Health มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ..
     9. I คือ Inspire รู้จักกระตุ้นและให้กำลังใจลูกน้อง..
     10. P คือ Patient มีความอดทนเป็นเลิศนั่นเอง..

"ผู้นำจึงควรเป็นผู้ที่หัวใหญ่ (Head) ใจโต (Heart) 
มือกว้าง (Hand) และร่างสมาร์ท (Health)"



ผู้บริหารแบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ 
  1. ผู้บริหารทำหน้าที่สั่งการ  (Line Manager)
  2. ผู้บริหารทำหน้าที่ให้คำแนะนำ  (Staff  Manager)
  3. ผู้บริหารทำหน้าที่สั่งการเฉพาะด้าน  (Functional Manager)
  4. ผู้บริหารทั่วไป  (General Manager)
  5. ผู้บริหาร (Administrator)
คุณสมบัติของผู้บริหารและผู้นำเป็นทั้ง "ศาสตร์และศิลป์" ที่ต้องศึกษาเรียนรู้และพัฒนา และปรับตัวให้เข้ากับสภาพเงื่อนไขต่าง ๆ ทันคน ทันงาน ทันการณ์ (กาล) ทันเกมของการเปลี่ยนแปลงคนยุคเศรษฐกิจไร้พรมแดน 


1.  ผู้บริหารแบบ Impoverished จะเป็นผู้บริหารที่ไม่สนใจทั้งผู้ใต้บังคับบัญชาและเรื่องงาน เป็นลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ที่สุด
2.  ผู้บริหารแบบ Country Club เป็นผู้บริหารที่มุ่งเน้นเรื่องความทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชา แต่จะไม่มุ่งเน้นเรื่องงาน ดังนั้นผู้บริหารแบบนี้เป็นผู้บริหารที่ผู้ใต้บังคับบัญชาชอบ แต่งานที่รับผิดชอบมักจะไม่บรรลุเป้าหมาย
3.  ผู้บริหารแบบ  Authority-Compliance เป็นผู้บริหารที่มุ่งแต่เรื่องงานโดยไม่คำนึงถึงเรื่องจิตใจของผู้ใต้บังคับบัญชา แม้ว่างานที่รับผิดชอบอาจจะบรรลุผล แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาอาจจะไม่พอใจ ผู้ที่ทำงานด้วยจะอึดอัดใจ อาจจะลงท้ายความขัดแย้งในที่สุด
4.  ผู้นำแบบ  Middle the Road   เป็นผู้บริหารที่พอได้ทั้งเรื่องคนและเรื่องงานผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทำงานด้วยก็พอใจในระดับหนึ่งงานที่รับผิดชอบก็สำเร็จอยู่บ้าง

5.  ผู้บริหาร  Team   เป็นผู้บริหารที่สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา และยังสามารถทำงานได้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมายอีกด้วยเป็นลักษณะผู้บริหารที่พึงประสงค์ที่สุดในบรรดาผู้บริหารแบบอื่น ๆ 


การบริหารงานให้บรรลุเป้าหมาย
          ต้องอาศัยทรัพยากรขององค์การขั้นพื้นฐาน คนเงิน  วัตถุดิบ  และทุน เป้าหมายของผู้บริหารทุกคนคือการทำให้เกิดผลกำไรและเพิ่มผลผลิต  (ผลิตภาพ)  นั่นคือการทำให้อัตราส่วนระหว่างผลผลิต (output)  และปัจจัยการผลิต (input) เป็นที่น่าพอใจภายในเวลาที่กำหนดอย่างมีคุณภาพและบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ  โดยมีเป้าหมายจะให้บังเกิดสิ่งต่อไปนี้คือ
            การเพิ่มผลผลิต  หรือผลิตภาพ  (Productivity) หมายถึง ประสิทธิผล (effectiveness) และประสิทธิภาพ (efficiency) ในการปฏิบัติงานของแต่ละบุคคล รวมตลอดของทั้งองค์การ
           ประสิทธิผล  (effectiveness) คือ การบรรลุถึงวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายตามที่ต้องการ  คือมองตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง 
           ส่วนประสิทธิภาพ (efficiency) นั่นคือความสามารถในการใช้ทรัพยากรให้น้อยที่สุด  และเกิดประโยชน์สูงสุด 

          จากการสำรวจ  ผู้บริหารที่มีประสิทธิผลกับผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จจะใช้เวลาในการทุ่มเทให้กับกิจกรรมดังกล่าวต่างกัน  คือผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ (Successful Managers) ซึ่งก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้เร็วกว่าผู้อื่น จะเน้นกิจกรรมด้าน Networking มากที่สุดทำกิจกรรมด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์น้อยที่สุด ส่วนผู้บริหารที่ตั้งใจทำงานให้เกิดประสิทธิผล (Effective Manager) ซึ่งพิจารณาจากปริมาณและคุณภาพของการปฏิบัติงานเป็นเครื่องวัดนั้น จะเน้นด้านการติดต่อสื่อสาร (Communication) การบริหารทรัพยากรมนุษย์และงานด้านการบริหารตามลำดับ ส่วนกิจกรรมด้าน networking จะทำน้อยที่สุด 




  • การนำเสนอคำคมของเพื่อน ทำให้เราสามารถนำมาเป็นแนวคิด แนวทางในการดำรงชีวิต และการทำงานในอนาคตได้ เนื่องจากคำคมต่าง ๆ มาจากผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วทั้งนั้น
  • เมื่อได้ความรู้เกี่ยวกับผู้นำ ผู้บริหารมากขึ้น ได้แนวทางการปกครองที่หลากหลาย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ เช่น การเป็นผู้นำครอบครัว เป็นคุณครู หรือเป็นผู้บริหาร จะได้ปฏิบัติตนได้ถูกต้อง เหมาะสมกับบทบาทหน้าที่นั้น ๆ



ประเมินตนเอง  :  เข้าเรียนตรงเวลา อาจมีเล่นบ้าง แต่ก็จดบันทึกหลักสำคัญ ๆ ของบทเรียน เพื่อนำมาเป็นความรู้ และบันทึกการเรียนรู้
ประเมินเพื่อน  :  เพื่อน ๆ มีการเตรียมความพร้อมในการนำเสนอคำคม ซึ่งทำให้ได้มุมมองที่แปลกใหม่ นำมาประยุกต์ใช้กับตนเองได้จริง
ประเมินอาจารย์  :  อาจารย์เป็นกันเองกับนักศึกษา เนื้อหาอาจจะเยอะ แต่อาจารย์ก็สอนให้เข้าใจได้ มีการยกตัวอย่าง อธิบายเพิ่มเติม